วิวัฒนาการก่อนจะกลายมาเป็นรองเท้าสตั๊ดสุดหรูในปัจจุบัน
ก่อนจะเฟี้ยวก็เสี่ยวมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง- 2017-06-19
//= BASE_URL ?>
สตั๊ดฟุตบอลที่พวกเราเห็นๆกันในปัจจุบันก่อนจะมีวิวัฒนาการที่สวยหรู สวมนุ่มเบาสบายอย่างที่เห็นนักเตะระดับโลกหลายๆคนสวมใส่กลายเป็นยูนิคไอคอนสไตล์หรือแฟนชั่นรองเท้ากีฬาที่ใช้แข่งขันกันอย่างทุกวันนี้ต้องย้อนไปในยุค ค.ศ1526 มีประวัตศาสตร์ความเป็นมากล่าวขานถึง รองเท้าฟุตบอลที่เกิดขึ้นมาครั้งแรกในสมัยของคิงเฮนรี่ ที่8 แห่งราชวงศ์ อังกฤษ ผู้โด่งดัง ซึ่งช่างผู้ประดิษฐ์คิดค้นและสร้างมันขึ้นมาคือ คอเนลหลุย จอห์นสัน ในขณะนั้นมันมีราคาคู่ละถึง 4 เชลลิ่งเลยทีเดียว หรือราวๆหนึ่งร้อยปอนด์ในสมัยนี้!! มีสไตล์ยุคเก่าที่คลับคล้ายจะเป็นรองท้องของนักรบโบราณเสียมากกว่า โดยตัวรองเท้าจะปิดยาวขึ้นมาถึงเหนือหัวเข้าของผู้เล่นและเย็บด้วยหนังสัตว์แบบทนทาน กระทั้งผ่านเข้าสู่ยุคกลางในปี 1800 การพัฒนาของวงการฟุตบอลเริ่มกว้างขวางและเป็นทีแพร่หลาย ทำให้เกิดความนิยมในกีฬาลูกหนังนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ แต่การวิฒนาการของตัวรองเท้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากส่วนใหญ่ทำจากหนังสัตว์ที่ทนทานอยุ่ และสวมทุ่มเหล็กทดแทนปุ่มไม้ในแบบโบราณดั่งเดิม ทำให้มีความหนักและขาดความคล่องตัวในการเล่นอยู่บ้างแต่ก็มีผลดีต่อการยึดเกาะสนามและโดยส่วนมากจะมีสไตล์และรูปทรงที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนักโดยจะเห็นว่านักเตะในยุคนั้นหลายๆคน ก็จะใส่แบบนั้นเช่นเดียวกันหมด
จนล่วงเลยเข้าสู่ปี 1900 เริ่มมีบริษัทที่เข้ามาเอาดีทางด้านผลิตรองเท้าฟุตบอลมากขึ้นจึงทำให้รูปแบบทรวดทรงของพวกมันเริ่มเปลี่ยนไป และมีหลากหลายยี่ห้อที่ยังยึดครองตลาดได้อย่างยาวนานจนปัจจุบัน
อย่างที่หลายๆคนรู้จักคุ้นเคยทั้งได้ลองสวมใส่เล่น หรือลงแข่งขันกันบ่อยๆอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากฝั่ง เยอรมันนี อย่าง อดิดาส ที่มีสไตล์ที่ขึงขังสีสันโฉบเฉี่ยวสะดุดตามาเป็นจุดแข็งของแบรนด์ ทั้งยังมีพรีเซนเตอร์เป็นมิดฟิลด์ระดับเทพของโลกอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ มาดึงดูดลูกค้าที่เป็นคอบอลแนวๆเน้นความไวคล่องแคล่วพร้อมไปกับบอล เพื่อมาเปิดศึกมหากาฟย์ตลาดการแข่งขันที่ต้องมีวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีเพิ่มความเบา สวมใส่สบายดูดีมีความเป็นแฟชั่น เข้าไปสู่กับแบรนด์คู่แข่งจากฝั่งอเมริกาอย่าง ไนกี้ ที่ใช้พรีเซ็นเตอร์ระดับโลกคู่รักคู่แค้นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้จะเห็นไว้ว่าการเดินทางของรองเท้าฟุตบอลนั้นมาควบคู่กับความบ้าคลั่ง คลั่งไคล้ และความนิยมของแฟนบอลที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นกีฬาที่ฮอตฮิตที่สุดชนิดหนึ่งของโลกจากยุคสู่ยุค สิ่งเหล่านี้จะยังคงเปลี่ยนแปลงและพลิกผันอยู่ตลอดเวลาเพื่อมารองรับกับความเป็นกีฬาที่เป็นที่รัก ของเหล่าบรรดาแฟนๆลูกหนังกันต่อไปอีกเรื่อยๆอย่างแน่นอน